ยืมเงินผ่านไลน์ พิมพ์ "ตกลง" คำเดียว ใช้ฟ้องศาลได้! สรุปฎีกา 2162/2567 คดีผิดนัดชำระหนี้และสินเชื่อส่วนบุคคล

ปัญหาโลกแตกของเจ้าหนี้ในยุคดิจิทัล คือการให้ "กู้ยืมเงินออนไลน์" หรือโอนเงินให้เพื่อนยืมผ่านแอปธนาคารโดยไม่มีสัญญาเป็นกระดาษ หลายคนกังวลว่าเมื่อลูกหนี้ "ผิดนัดชำระหนี้" แล้วจะนำสลิปโอนเงินไปฟ้องร้องได้หรือไม่? ล่าสุดศาลฎีกาได้วางบรรทัดฐานใหม่ในคำพิพากษาฎีกาที่ 2162/2567 คดีนี้ชี้ชัดว่าการสนทนาผ่านแอปพลิเคชัน LINE ถือเป็นหลักฐานตาม พ.ร.บ. ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ แม้ไม่มีลายเซ็นจริง แต่ถ้าลูกหนี้พิมพ์ตอบกลับว่า "ตกลง" ก็มีผลเท่ากับทำสัญญากู้ยืมเงินตามกฎหมายแล้ว ใครที่กำลังเจอปัญหาหนี้สิน หรือต้องการศึกษาเรื่อง สินเชื่อส่วนบุคคล และกฎหมายใหม่ต้องอ่านด่วน!

 

คำพิพากษาฎีกาที่ 2162/2567

               สำเนาเอกสารที่ธนาคารออกให้เป็นหลักฐานว่าธนาคารได้ทำการโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของจำเลยเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2562 ไม่มีข้อความในเรื่องการกู้ยืมเงิน ถือว่าโจทก์ไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมครั้งที่ 1 เป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อจำเลยผู้กู้ยืมมาแสดง ส่วนเอกสารที่โจทก์อ้างว่าเป็นการกู้ยืมตามฟ้องครั้งที่ 19 และ 20 เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2562 และวันที่ 3 กันยายน 2562 ไม่ปรากฏข้อความที่จำเลยพิมพ์ตอบ “ตกลง” เพื่อตกลงการกู้ยืมเงินตามที่โจทก์อ้าง ถือว่าโจทก์ไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมครั้งที่ 19 และครั้งที่ 20 เป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อจำเลยผู้กู้ยืมเป็นสำคัญมาแสดง โจทก์ฟ้องร้องให้บังคับคดีแก่จำเลยสำหรับการกู้ยืมครั้งที่ 1 ครั้งที่ 19 และครั้งที่ 20 ไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคหนึ่ง

               การกู้ยืมเงินครั้งที่ 2 ถึงครั้งที่ 18 โจทก์ส่งข้อความในโปรแกรมไลน์ (LINE) ถึงจำเลยในทำนองเดียวกันว่า “นาย ช. (โจทก์) จะจัดทำธุรกรรมให้ยืมเงินจำนวน (ระบุจำนวนเงิน) ให้แก่นางสาว ฐ. (จำเลย) เพื่อใช้ลงทุนในธุรกิจการกู้ยืมเงินนี้ไม่คิดดอกเบี้ยและยังไม่บังคับวันกำหนดชำระเงินคืน ลงวันที่... (พิมพ์ตกลงเพื่อยืนยัน)” จำเลยพิมพ์ข้อความว่า “ตกลง" ตอบกลับมาในโปรแกรมไลน์ (LINE) การสนทนาทางโปรแกรมไลน์ (LINE) เป็นการส่งข้อมูลผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์หรือเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ถือว่าเป็นการส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ เมื่อข้อความสนทนาของโจทก์และจำเลยประกอบกันแล้วเข้าใจได้ว่าโจทก์และจำเลยตกลงกันโดยโจทก์ให้จำเลยกู้ยืมเงินและจำเลยตกลงกู้ยืมเงินแต่ละครั้งตามจำนวนที่ระบุไว้ในสำเนาโปรแกรมไลน์ (LINE) แม้ไม่มีการลงลายมือชื่อจำเลยก็ตาม เมื่อจำเลยยอมรับว่าส่งข้อความตอบตกลงการที่โจทก์จะให้กู้ยืมเงินจริง ข้อความสนทนาทางโปรแกรมไลน์ (LINE) ถือว่าเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อของจำเลยผู้กู้ยืม ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 มาตรา 7, 8, 9 โจทก์ฟ้องร้องให้บังคับคดีได้

การโอนเงินหลักฐานในไลน์ผลทางกฎหมาย
ครั้งที่ 1มีสลิปโอน แต่ไม่มีแชทตอบรับ

แพ้ (ฟ้องไม่ได้) 

ครั้งที่ 2-18โจทก์พิมพ์เงื่อนไข -> จำเลยพิมพ์ "ตกลง"

ชนะ (ฟ้องได้) 

ครั้งที่ 19-20ส่งสลิปไป แต่จำเลยไม่พิมพ์ตอบ

แพ้ (ฟ้องไม่ได้) 

               จำเลยให้การต่อสู้ว่า ไม่ใช่การกู้ยืมเงิน แต่เป็นเรื่องที่โจทก์นำเงินมาร่วมลงทุนประกอบธุรกิจออกแบบ ค้าขายเสื้อผ้า รวมถึงธุรกิจส่งออกหน่อไม้กับจำเลย ปัจจุบันยังไม่มีการชำระบัญชี โจทก์ไม่สามารถฟ้องเรียกเงินคืนจากจำเลยได้ เป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นใหม่แตกต่างไปจากหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินที่โจทก์จำเลยทำกันไว้ ภาระการพิสูจน์ข้อเท็จจริงตกแก่จำเลย