คำพิพากษาฎีกาที่ ๓๗๕๐/๒๕๖๔


               ผู้ร้องทำสัญญากู้ยืมเงินและจดทะเบียนจำนองที่ดินพิพาททั้งสองแปลงพร้อมสิ่งปลูกสร้างต่อธนาคารก่อนที่ผู้ร้องจะจดทะเบียนหย่ากับจำเลยที่ ๓ หนี้ตามสัญญากู้ยืมเงินและสัญญาจำนองจึงเป็นหนี้ที่เกี่ยวข้องกับสินสมรสที่ผู้ร้องและจำเลยที่ ๓ เป็นลูกหนี้ร่วมกัน และต้องรับผิดร่วมกัน การที่ผู้ร้องผ่อนชำระค่าที่ดินพิพาททั้งสองแปลงพร้อมสิ่งปลูกสร้างด้วยเงินเดือนและรายได้ของผู้ร้องเพียงผู้เดียวภายหลังจากที่ผู้ร้องจดทะเบียนหย่ากับจำเลยที่ ๓ เป็นเพียงขั้นตอนการชำระหนี้ของผู้ร้องและจำเลยที่ ๓ ที่มีต่อธนาคารเจ้าหนี้ หาได้มีผลให้ผู้ร้องมีส่วนกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาททั้งสองแปลงพร้อมสิ่งปลูกสร้างตามส่วนจำนวนเงินที่ผู้ร้องได้ชำระไป เพราะหากผู้ร้องไม่นำเงินไปชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้แล้ว เจ้าหนี้ก็อาจเรียกให้จำเลยที่ ๓ ในฐานะลูกหนี้ร่วมรับผิดชำระหนี้เงินกู้ได้เต็มจำนวน การที่ผู้ร้องได้ชำระหนี้ร่วมให้แก่เจ้าหนี้ไปเกินส่วนกรรมสิทธิ์ที่ตนได้ไปเท่าใด ผู้ร้องต้องไปว่ากล่าวเรียกร้องเอาจากจำเลยที่ ๓ ต่างหากไม่อาจขอกันส่วนเกินกว่ากึ่งหนึ่งในคดีนี้ได้ ผู้ร้องมีสิทธิขอกันส่วนเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินพิพาททั้งสองแปลงพร้อมสิ่งปลูกสร้างเพียงกึ่งหนึ่ง

 

หมายเหตุ

                    ป.วิ.พ.มาตรา ๓๒๒ มีเนื้อทำนองเดียวกับมาตรา ๒๘๗ เดิม

 

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

                    มาตรา ๓๒๒ ภายใต้บังคับมาตรา ๓๒๓ และมาตรา ๓๒๔ บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาย่อมไม่กระทบกระทั่งถึงทรัพยสิทธิ บุริมสิทธิ สิทธิยึดหน่วง หรือสิทธิอื่นซึ่งบุคคลภายนอกมีอยู่เหนือทรัพย์สินหรืออาจร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์สินนั้นตามกฎหมาย