ข้อเท็จจริงในคดีโดยสรุป;
ทนายความยื่นขอขยายเวลา ครั้งที่ 2
โดยระบุในคำร้องขอส่งอุทธรณ์ภายในวันที่ 25 กุมภาพันธ์
แต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายได้ถึงแค่ วันที่ 23 กุมภาพันธ์
เท่านั้น ทนายความไม่ได้ตรวจสอบคำสั่งศาลให้ดี เข้าใจไปเองว่าศาลให้ถึงวันที่ 25
ตามที่ขอ ประกอบกับทนายมีงานสืบพยานคดีอื่นเยอะมากในช่วงนั้น
คำพิพากษาฎีกาที่
3400/2568
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง:
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15, ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 23
ข้ออ้างของโจทก์ร่วมที่ขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์เมื่อพ้นกำหนดเวลาที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยาย
เป็นการผิดพลาดที่เกิดจากความไม่รอบคอบของทนายโจทก์ร่วมในการตรวจดูวันที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์ก็ดี
รวมทั้งการรับงานไว้มากจนไม่มีเวลามาตรวจสอบคำสั่งศาลในเรื่องที่ตนเองยื่นคำร้องไว้ก็ดี
การไม่ได้มอบหมายให้บุคคลอื่นมาตรวจสอบคำสั่งอนุญาตของศาลชั้นต้นว่าศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์ถึงวันใดก็ดี
ทั้งการไปปฏิบัติงานหรือว่าความในคดีอื่นของทนายโจทก์ร่วมโดยไม่มายื่นอุทธรณ์
หรือมอบอำนาจให้บุคคลอื่นหรือตัวความมายื่นแทนภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดก็ดี
ล้วนเป็นความบกพร่องในการทำหน้าที่ของทนายโจทก์ร่วมเองทั้งสิ้นถือไม่ได้ว่าเป็นกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา 15
ถาม-ตอบ
ตามคำพิพากษาฎีกา
Q: ทนายความงานยุ่งมากจนลืมดูวันนัด
หรือดูวันผิด ถือเป็น "เหตุสุดวิสัย" ตามมาตรา 23 ป.วิ.พ.
หรือไม่?
A:
ไม่ถือเป็นเหตุสุดวิสัย ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการรับงานไว้มากจนไม่มีเวลาตรวจสอบ
หรือความไม่รอบคอบในการดูคำสั่งศาล เป็นความบกพร่องในการทำหน้าที่ของทนายความเอง
ไม่ใช่เหตุที่ไม่อาจป้องกันได้
Q: หากพ้นกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์ไปแล้ว
คู่ความยังสามารถยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาได้หรือไม่?
A:
ยื่นได้ แต่ต้องเข้าเงื่อนไขเคร่งครัดคือต้องเป็นกรณีที่มี "เหตุสุดวิสัย" เท่านั้น (ตาม ป.วิ.พ. มาตรา
23) หากไม่มีเหตุสุดวิสัย ศาลจะไม่อนุญาต
Q: การที่ทนายความไปว่าความคดีอื่นที่ศาลอื่นในวันสุดท้ายของเขตเวลาอุทธรณ์
ใช้เป็นข้ออ้างเพื่อขอขยายเวลาได้หรือไม่?
A:
ไม่ได้ ศาลมองว่าทนายความสามารถบริหารจัดการได้
เช่น มอบอำนาจให้เสมียนทนาย หรือบุคคลอื่นมายื่นอุทธรณ์แทนได้
การไม่จัดการดังกล่าวถือเป็นความบกพร่อง ไม่ใช่เหตุสุดวิสัย
