ขอให้ศาลอธิบายคำพิพากษา (ฎีกาที่ 475/2508 ฎีกาที่ 1901/2530 ฎีกาที่ 1148/2565)


ขอให้ศาลอธิบายคำพิพากษา

        เมื่อศาลได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดคดีจนถึงที่สุดแล้ว คู่ความย่อมมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามคำบังคับเพื่อให้กระบวนการยุติธรรมสัมฤทธิ์ผล อย่างไรก็ดี ในทางปฏิบัติมักปรากฏข้อขัดข้องในชั้นบังคับคดีอันเนื่องมาจากความเคลือบคลุมแห่งคำพิพากษา ข้อเท็จจริงที่คลาดเคลื่อนไปจากเอกสาร หรือความเข้าใจคลาดเคลื่อนในกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับสัญญาประนีประนอมยอมความ ซึ่งศาลฎีกาได้วางบรรทัดฐานทางกฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวไว้ใน 3 ประการสำคัญ ดังนี้

       ประการแรก ในกรณีที่คดีมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว แต่ปรากฏเหตุอันควรสงสัยในชั้นบังคับคดีจนคู่ความไม่สามารถปฏิบัติตามคำพิพากษาได้ กฎหมายมิได้ตัดสิทธิคู่ความที่จะร้องขอให้ศาลอธิบายคำพิพากษานั้น เพื่อผลแห่งการบังคับคดีให้เสร็จสิ้นไปโดยถูกต้องและรวดเร็ว

       ประการที่สอง ในการบังคับคดีแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ที่ดิน หากปรากฏข้อเท็จจริงในชั้นบังคับคดีว่าจำนวนเนื้อที่ดินที่แท้จริงขาดตกบกพร่องไปจากจำนวนที่ระบุไว้ในโฉนดที่ดินหรือในคำพิพากษา ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาให้บังคับคดีแบ่งแยกกรรมสิทธิ์โดยลดลงตามส่วนของเนื้อที่ดินที่เหลืออยู่จริงได้ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวถือเป็นการใช้อำนาจบังคับคดีไปตามความเป็นจริง หาใช่การแก้ไขคำพิพากษาที่ถึงที่สุดแล้วไม่

       ประการสุดท้าย กรณีคู่ความได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลมีคำพิพากษาตามยอม หากต่อมาลูกหนี้ตามคำพิพากษาผิดสัญญา เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาชอบที่จะร้องขอให้มีการบังคับคดีโดยยื่นคำร้องเข้าไปในคดีเดิม ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 274 ประกอบมาตรา 7 (2) จะนำมูลหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวมาฟ้องร้องเป็นคดีใหม่หาได้ไม่ เนื่องจากคู่ความฝ่ายเจ้าหนี้ไม่มีอำนาจฟ้อง

 


คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 475/2508

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง: ป.วิ.พ. มาตรา 54, มาตรา 143, มาตรา 271

แม้คดีที่มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วในชั้นบังคับคดีเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยไม่สามารถปฏิบัติตามคำพิพากษาได้ คู่ความก็ย่อมมีสิทธิร้องขอให้ศาลอธิบายคำพิพากษานั้นได้

ข้อเท็จจริง: คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้แบ่งนามรดก คดีถึงที่สุด แต่ในชั้นบังคับคดียังมิได้แบ่งกัน โดยโจทก์ยื่นคำร้องว่ายังมีความข้องใจในคำพิพากษาบางประการ ขอให้อธิบาย

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1901/2530

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง: ป.วิ.พ. มาตรา 84, 143, 144, 243

ศาลพิพากษาให้แบ่งแยกกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์ตรงตามโฉนดโดยถือตามคำฟ้องของโจทก์ เมื่อปรากฏในชั้นบังคับคดีว่าจำนวนเนื้อที่ดินที่แท้จริงขาดไปจากจำนวนที่ระบุไว้ในโฉนดที่ดิน ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาให้บังคับคดีแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์ลดลงตามส่วนของเนื้อที่ดินที่เหลือผิดไปจากคำพิพากษาที่ถึงที่สุดแล้วได้ กรณีเช่นนี้ถือไม่ได้ว่าเป็นการแก้ไขคำพิพากษาที่ถึงที่สุดแล้วเพราะในชั้นบังคับคดีศาลย่อมมีอำนาจบังคับคดีไปตามความเป็นจริงได้

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1148/2565

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง: ป.วิ.พ. มาตรา 7 (2), มาตรา 142 (5), มาตรา 246, มาตรา 252, มาตรา 274 วรรคหนึ่ง

สัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมคดีก่อนถือว่าโจทก์ทั้งสองเป็นบุคคลที่ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ได้รับชำระหนี้จากจำเลยโดยอยู่ในฐานะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ส่วนจำเลยถือได้ว่าเป็นบุคคลที่ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ชำระหนี้แก่โจทก์ทั้งสองโดยอยู่ในฐานะลูกหนี้ตามคำพิพากษาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 274 วรรคหนึ่ง โจทก์ทั้งสองชอบที่จะร้องขอให้บังคับคดีแก่จำเลยตามสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมเข้าไปในคดีเดิมตาม มาตรา 7 (2) โจทก์ทั้งสองไม่อาจนำข้อพิพาทในชั้นบังคับคดีดังกล่าวมาฟ้องร้องจำเลยให้รับผิดตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งได้มีคำพิพากษาตามยอมเป็นคดีใหม่ได้ โจทก์ทั้งสองจึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและพิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งสองได้ตาม มาตรา 142 (5) ประกอบมาตรา 246 และมาตรา 252

 

สรุปทั้ง 3 ฎีกานี้ ต้องดำเนินการยื่นคำร้องใน "คดีเดิม" (ชั้นบังคับคดี) ไม่ใช่การไปฟ้องร้องเป็นคดีใหม่ โดยแยกรายละเอียดได้ดังนี้:

1. ฎีกาที่ 475/2508 (ขอให้อธิบาย): เป็นการยื่นคำร้อง ในคดีเดิม เพื่อขอให้ศาล "อธิบาย" ความหมายของคำพิพากษาที่คู่ความยังสงสัย เพื่อให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการต่อไปได้ถูกต้อง

2. ฎีกาที่ 1901/2530 (ขอให้บังคับตามจริง): เป็นการโต้แย้งกันในชั้นบังคับคดี ของคดีเดิม ว่าจะแบ่งที่ดินอย่างไรเมื่อเนื้อที่ขาดหายไป ซึ่งศาลในคดีเดิมมีอำนาจสั่งให้บังคับคดีไปตามความเป็นจริง (ลดสัดส่วนลง) ได้โดยไม่ต้องไปฟ้องใหม่

3. ฎีกาที่ 1148/2565 (ขอให้บังคับตามยอม): เป็นการระบุชัดเจนที่สุดว่า หากผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ ห้ามนำมาฟ้องเป็นคดีใหม่ แต่ต้อง ยื่นคำร้องขอให้บังคับคดีในคดีเดิม ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 274 และ มาตรา 7 (2) เท่านั้น

สรุปสั้นๆ: ไม่ว่าจะเป็นการ สงสัย (ให้อธิบาย), ขัดข้อง (ให้แบ่งตามจริง), หรือ ผิดสัญญา (ให้บังคับคดี) ทางแก้คือกลับไปที่ "คดีเดิม"

⚖️ มีปัญหากฎหมาย ปรึกษาทนายสินธร

📲 แอดไลน์ปรึกษา (คลิกเลย)

แสดงความคิดเห็น

ใหม่กว่า เก่ากว่า