การท้ากันคือการที่คู่ความตกลงกันให้ผลแพ้ชนะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่กำหนดไว้เด็ดขาด ผลลัพธ์ต้องชี้ขาดได้ทันทีโดยที่ศาลไม่ต้องนำผลนั้นมา "ตีความ" ต่อ คำท้าคดีนี้ระบุให้ดูว่า "เป็นลายมือชื่อของคนเดียวกันหรือไม่" แต่ผลตรวจออกมาว่า "เป็นการพิมพ์" ซึ่งคู่ความไม่ได้ตกลงกันไว้ว่าถ้าเป็นการพิมพ์จะให้ถือว่าใครชนะ การที่ศาลชั้นต้นสรุปว่า "พิมพ์ = ไม่ใช่คนเดียวกัน" เป็นการใช้ดุลพินิจตีความเพิ่มเติม ซึ่งขัดต่อเจตนารมณ์ของคำท้าที่ต้องการให้จบด้วยผลการตรวจ ดังนั้น คำท้านี้จึงไม่เป็นผล ต้องกลับไปดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานกันตามปกติ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่
4011/2567
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง:
ป.วิ.พ. มาตรา 138
การแพ้หรือชนะคดีกันตามคำท้านั้น
ผลที่ได้จากเงื่อนไขที่ท้ากันจะต้องชัดเจนตรงกับประเด็นตามคำท้าโดยที่ศาลไม่ต้องตีความผลดังกล่าวให้เป็นประโยชน์แก่ฝ่ายใดอีก
เพราะมิฉะนั้นจะเป็นการถือเอาคำวินิจฉัยของศาลเป็นผลแพ้หรือชนะคดีแทนผลที่ได้จากคำท้า
คดีนี้ประเด็นตามคำท้าคือ
ลายมือชื่อของจำเลยในหนังสือสัญญากู้เงินและตัวอย่างลายมือชื่อของจำเลยเอกสารหมาย
จ.2
ล.1 ถึง ล.4 เมื่อเปรียบเทียบกับลายมือชื่อผู้กู้ในหนังสือสัญญากู้เงินเอกสารหมาย
จ.1 แล้วเป็นลายมือชื่อของบุคคลคนเดียวกันหรือไม่ โจทก์และจำเลยไม่ได้ท้ากันว่า
ลายมือชื่อในหนังสือสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.1 เกิดจากการพิมพ์หรือการลงชื่อ
ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญจึงไม่ได้เป็นไปตามคำท้า หากจะให้รับฟังว่าลายมือชื่อที่เกิดจากการพิมพ์ย่อมไม่ใช่การลงชื่ออันแสดงว่าลายมือชื่อดังกล่าวไม่ใช่ของบุคคลคนเดียวกัน
เท่ากับว่าศาลจะต้องตีความต่อความเห็นของผู้เชี่ยวชาญอีกชั้นหนึ่ง
การตีความเช่นนี้จึงเป็นคำวินิจฉัยของศาล หาใช่ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญในประเด็นที่ตกลงท้ากันไม่
ซึ่งในชั้นท้ากันคู่ความก็ไม่ได้ตกลงยอมให้ศาลตีความต่อความเห็นของผู้เชี่ยวชาญไว้ด้วย
ศาลจึงไม่อาจวินิจฉัยความเห็นของผู้เชี่ยวชาญในชั้นนี้ได้
เป็นเรื่องที่ต้องวินิจฉัยพยานหลักฐานอันได้จากการสืบพยานของคู่ความซึ่งย่อมประกอบด้วยพยานหลักฐานอื่นเพิ่มเติมจากรายงานการตรวจพิสูจน์ดังกล่าว
สรุปข้อเท็จจริงและปรับหลักกฎหมาย
ข้อเท็จจริงในคดี:
1. การฟ้องร้อง:
โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงิน
จำเลยต่อสู้ว่าเป็นเอกสารปลอมและฟ้องแย้งขอคืนโฉนด
2. เงื่อนไขคำท้า:
คู่ความตกลง "ท้ากัน" ให้ส่งสัญญากู้ (จ.1) และตัวอย่างลายมือชื่อจำเลย (จ.2) ไปตรวจพิสูจน์
o เงื่อนไขชนะ/แพ้:
หากผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าเป็น "ลายมือชื่อของบุคคลคนเดียวกัน" จำเลยยอมแพ้
(ยอมรับว่าเป็นหนี้) แต่ถ้า "ไม่ใช่บุคคลคนเดียวกัน" โจทก์ยอมแพ้
(ถือเป็นเอกสารปลอม)
3. ผลการตรวจพิสูจน์:
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าลายมือชื่อในสัญญากู้ (จ.1) เป็น "ลายมือชื่อที่เกิดจากการพิมพ์" (ไม่ใช่การเขียนด้วยปากกา)
4. คำพิพากษาศาลล่าง:
o ศาลชั้นต้น:
ตัดสินให้จำเลยชนะ (ยกฟ้องโจทก์) โดยตีความว่าเมื่อเป็นการพิมพ์ ก็แปลว่าไม่ใช่ลายมือชื่อจำเลยที่เขียน
เป็นเอกสารปลอม
o ศาลอุทธรณ์:
ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้สืบพยานใหม่ เพราะผลการตรวจไม่ตรงกับประเด็นคำท้า
ศาลฎีกา
พิพากษายืน
สรุป
ประเด็นข้อกฎหมาย:
การแพ้ชนะตามคำท้า (ม.138) ผลลัพธ์ต้องชัดแจ้งตรงตามเงื่อนไขโดยศาลไม่ต้องตีความเพิ่มเติม
หากผลการพิสูจน์ออกมานอกเหนือเงื่อนไข ศาลจะนำมาตีความเพื่อชี้ขาดคดีไม่ได้
ข้อเท็จจริงสำคัญ:
ท้าพิสูจน์ว่าเป็น "ลายมือชื่อคนเดียวกันหรือไม่" แต่ผลตรวจออกว่าเป็น
"รอยพิมพ์" ศาลฎีกาชี้ว่าต้องกลับไปสืบพยาน เพราะการสรุปว่า 'รอยพิมพ์ไม่ใช่ลายมือชื่อ' เป็นการที่ศาลต้องใช้ดุลพินิจตีความ
ไม่ใช่ผลโดยตรงจากคำท้า
แนวทางปฏิบัติ:
การร่างรายงานกระบวนพิจารณาเรื่องคำท้า
ต้องระบุเงื่อนไขให้ครอบคลุมผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ทั้งหมด (เช่น หากพิสูจน์ไม่ได้
หรือผลออกเป็นอย่างอื่น ให้ถือว่าฝ่ายใดแพ้/ชนะ หรือให้กลับมาสืบพยาน)
เพื่อป้องกันปัญหาทางเทคนิค
