คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2996/2567 ได้วางบรรทัดฐานเกี่ยวกับสิทธิการเข้าถึงข้อมูลตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร และ พ.ร.บ.คุมประพฤติ โดยชี้ขาดว่ารายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลย ถือเป็น 'ความลับ' ที่แม้แต่พนักงานอัยการ (โจทก์) ก็ไม่มีสิทธิ "ขอคัดถ่ายรายงานสืบเสาะ" เพื่อนำไปประกอบการยื่น อุทธรณ์ ประเด็นนี้จึงเป็นข้อกฎหมายสำคัญ

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2996/2567

พนักงานคุมประพฤติจัดทำรายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยตามคำสั่งศาลชั้นต้นซึ่งเป็นผู้พิจารณาพิพากษาคดีโดยได้ดำเนินการแสวงหาและรวบรวมข้อเท็จจริง การวิเคราะห์ข้อมูลและประมวลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผู้ถูกสืบเสาะและพินิจแล้วจัดทำรายงานและเสนอความเห็นต่อศาล ซึ่งข้อมูลที่พนักงานคุมประพฤติแสวงหามาได้มีทั้งผลดีและผลร้ายต่อจำเลยเพื่อนำมาประกอบการพิจารณาพิพากษาหรือดุลพินิจในการกำหนดโทษเกี่ยวกับการกระทำความผิดทางอาญาของจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 56 และ พ.ร.บ.คุมประพฤติ พ.ศ. 2559 มาตรา 30 ข้อเท็จจริงในชั้นพนักงานคุมประพฤติเป็นข้อมูลที่เป็นความลับ ทั้งนี้ ตามมาตรา 46 แห่ง พ.ร.บ.คุมประพฤติ พ.ศ. 2559 ได้กำหนดโทษผู้นำความลับนั้นไปเปิดเผย รายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยจึงเป็นข้อมูลที่เป็นความลับและเป็นข้อมูลข่าวสารที่ไม่ต้องเปิดเผยตามมาตรา 15 (2) (3) (4) และ (6) แห่ง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์คัดถ่ายรายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยจึงชอบแล้ว

 

ประเด็นเปรียบเทียบ

คำพิพากษาของศาล

รายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลย

สถานะของเอกสาร

เอกสารคำวินิจฉัยชี้ขาดคดีที่เปิดเผยได้

เอกสารลับเฉพาะ (Confidential) ประกอบดุลพินิจศาล

เนื้อหาภายใน

ผลการตัดสินโทษ (จำคุก/ปรับ/รอลงอาญา)

ประวัติ, พฤติกรรม, ผลดี/ผลร้ายต่อจำเลย, ความเห็นพนักงานคุมประพฤติ

คำสั่งศาลชั้นต้น

อนุญาต ให้โจทก์คัดถ่ายได้

ไม่อนุญาต ให้โจทก์คัดถ่าย

เหตุผลทางกฎหมาย

เป็นเอกสารสาธารณะในสำนวนความ

เป็นข้อมูลลับตาม พ.ร.บ.คุมประพฤติฯ ม.46 และข้อยกเว้นตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ ม.15

ผลลัพธ์ต่อคู่ความ

โจทก์นำไปประกอบการพิจารณาทำความเห็นอุทธรณ์ได้

โจทก์ไม่สามารถนำข้อมูลนี้ไปใช้ประกอบการทำความเห็นอุทธรณ์ได้