คำพิพากษาศาลฎีกาที่
2289/2568
ข้อเท็จจริง
จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้าง
ได้ลักทรัพย์สินของโจทก์ร่วม (นายจ้าง) ไปหลายรายการจากเคหสถาน
ทรัพย์สินบางส่วนเจ้าพนักงานตำรวจสามารถยึดคืนและส่งมอบให้โจทก์ร่วมแล้ว
แต่มีทรัพย์สินสำคัญคือ แหวนทองคำเจือเกาะเพชร น้ำหนัก 4.8 กรัม ราคา 300,000 บาท ซึ่งจำเลยได้นำไปจำนำไว้
พนักงานสอบสวนได้มีคำสั่งอายัดแหวนวงดังกล่าวไว้เป็นของกลาง
แต่ตัวทรัพย์ยังคงอยู่ที่โรงรับจำนำ ทำให้โจทก์ร่วมยังไม่ได้รับทรัพย์คืน
ในชั้นศาล
โจทก์ร่วมได้ยื่นคำร้องขอให้จำเลยคืนแหวนวงดังกล่าวหรือใช้ราคาแทน
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยคืนทรัพย์หรือใช้ราคา แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 มีคำพิพากษายกคำร้องในส่วนแพ่ง
โดยเห็นว่าเมื่อทรัพย์ถูกอายัดไว้แล้ว
โจทก์ร่วมต้องไปดำเนินเรื่องขอคืนจากพนักงานสอบสวนเอง
ไม่มีสิทธิยื่นคำร้องในคดีนี้ โจทก์ร่วมจึงฎีกาคำพิพากษาดังกล่าว
ฎีกาย่อ
โจทก์มิได้มีคำขอให้จำเลยคืนแหวน
1 วง หรือใช้ราคาแทนให้แก่โจทก์ร่วม
เนื่องจากแหวนดังกล่าวอยู่ในครอบครองของผู้รับจำนำ
ซึ่งยังมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการไถ่ถอนการจำนำก่อนส่งมอบคืน
แม้ว่าคดีถึงที่สุดแล้วโจทก์ร่วมจะใช้สิทธิเรียกร้องต่อพนักงานสอบสวนขอให้คืนแหวนดังกล่าว
ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 85 พนักงานสอบสวนก็ไม่อาจส่งมอบคืนแก่โจทก์ร่วมได้เพราะมีข้อโต้แย้ง
และแหวนของกลางดังกล่าวมิได้อยู่ในครอบครองของพนักงานสอบสวน
เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า
จำเลยลักแหวนดังกล่าวของโจทก์ร่วมไปและยังมิได้คืนให้แก่โจทก์ร่วม
ซึ่งเป็นความเสียหายในทางทรัพย์สินอันเนื่องมาจากการกระทำความผิดของจำเลยและพนักงานอัยการโจทก์มิได้มีคำขอให้จำเลยคืนทรัพย์หรือใช้ราคาแทนเป็นเงิน
ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 43 โจทก์ร่วมจึงมีสิทธิยื่นคำร้องในคดีส่วนแพ่งขอให้จำเลยคืนแหวนดังกล่าวหรือใช้ราคาแทนเป็นเงิน
อันเป็นค่าสินไหมทดแทนเพราะเหตุได้รับความเสียหายในทางทรัพย์สินเนื่องจากการกระทำความผิดของจำเลยได้
ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 44/1 วรรคแรกและวรรคสาม
กรณีต้องใช้ราคาแทนการคืนทรัพย์เป็นการเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนเพราะเหตุได้รับความเสียหายในทางทรัพย์สินอันเนื่องมาจากการกระทำความผิดของจำเลย
ซึ่งเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ร่วม
โจทก์ร่วมมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยในจำนวนเงินที่ต้องใช้แทนนั้นนับแต่วันละเมิด
0 Comments
แสดงความคิดเห็น