คำพิพากษาฎีกาที่ 2128/2567
การแบ่งปันทรัพย์มรดกนั้นประมวลกฎหมายแพ่ง
และพาณิชย์ บรรพ 5 ลักษณะ 4 หมวด 3
บัญญัติไว้โดยเฉพาะตาม หลักกฎหมายดังกล่าวแบ่งได้ 3 วิธี กล่าวคือ 1)
โดยทายาทต่างเข้า ครอบครองเป็นส่วนสัดด้วยการแบ่งตัวทรัพย์ตามความยินยอมโดยตรง
หรือโดยปริยายและต่างเข้าครอบครองตามทรัพย์มรดกที่ได้รับแบ่งนั้น กรณีนี้ไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือก็บังคับได้
2) โดยการขายทรัพย์มรดกแล้วเอาเงินที่ขายได้แบ่งปันกันระหว่างทายาท กรณีเกิดจากทายาทผู้มีสิทธิในทรัพย์มรดกไม่อาจแบ่งตัวทรัพย์กันได้
การขายอาจตกลงกันว่าให้ประมูลกันระหว่างทายาทหรือประกาศขาย หรือถ้าตกลง
กันไม่ได้ก็ต้องนําคดีมาฟ้องเรียกให้แบ่งมรดกโดยขอให้ศาลพิพากษาให้แบ่งระหว่างเจ้าของรวม
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364 และ 3)
การแบ่งปันทรัพย์มรดกโดยสัญญาที่มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดหรือตัวแทน
ของฝ่ายนั้นเป็นสำคัญ มิฉะนั้นจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ การแบ่งปันทรัพย์มรดกโดย
ช. และ พ. ในฐานะผู้จัดการมรดก
ซึ่งทายาทที่มาประชุมตกลงให้มีการจับฉลากแบ่งทรัพย์มรดกให้แก่ทายาททุกคนในสัดส่วนเท่ากัน
แต่จำเลยซึ่งเป็นทายาทคนหนึ่งมิได้มาประชุมและที่ประชุมมอบหมายให้ พ.
ทายาทคนหนึ่งเป็นผู้จับฉลากแทน การแบ่งปันทรัพย์มรดกเช่นนี้ เป็นการมิชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 1750 วรรคหนึ่งและวรรคสอง
หมายเหตุ
ฎีกาที่ 3256/2563 ว. เจ้ามรดก
มิได้กำหนดให้ผู้จัดการมรดกกระทำโดยวิธีการใด เพียงแต่ระบุให้ทายาทรวม 6 คน ได้รับส่วนแบ่งทรัพย์สินคนละส่วนเท่า ๆ กัน ดังนั้น
การแบ่งปันทรัพย์มรดกจึงต้องดำเนินการไปตามหลักเกณฑ์ที่ มาตรา 1750 กำหนดไว้โดยเฉพาะ กล่าวคือ การแบ่งปันทรัพย์มรดกสามารถกระทำได้ 3 วิธี โดยวิธีแรก ให้ทายาทต่างเข้าครอบครองทรัพย์สินเป็นส่วนสัด วิธีที่สอง
ให้ดำเนินการขายทรัพย์มรดกแล้วเอาเงินที่ขายได้มาแบ่งปันกันระหว่างทายาท และวิธีที่สาม
ให้ทายาทตกลงกันด้วยการทำรูปแบบของสัญญาประนีประนอมยอมความตามมาตรา 850 และ 852 มาใช้บังคับโดยอนุโลม โดยทำหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อทายาทหรือตัวแทนของทายาทเป็นสำคัญ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 1750 การแบ่งปันทรัพย์มรดกนั้น
อาจทำได้โดยทายาทต่างเข้าครอบครองทรัพย์สินเป็นส่วนสัด
หรือโดยการขายทรัพย์มรดกแล้วเอาเงินที่ขายได้มาแบ่งปันกันระหว่างทายาท
ถ้าการแบ่งปันมิได้เป็นไปตามวรรคก่อน
แต่ได้ทำโดยสัญญา จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่
เว้นแต่จะมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใด
ลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดหรือตัวแทนของฝ่ายนั้นเป็นสำคัญ
ในกรณีเช่นนี้ให้นำมาตรา 850, 852
แห่งประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยประนีประนอมยอมความมาใช้บังคับโดยอนุโลม
0 Comments
แสดงความคิดเห็น