คำพิพากษาฎีกาที่ 1589/2567
               คำให้การของจําเลยที่ 2 ที่ว่า เดิมที่ดินส่วนที่จําเลยที่ 2 คัดค้านเป็นของ
พ. ที่ขายให้จําเลยที่ 1 และ น. โดยมิได้ทำเป็นหนังสือ
และจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ แล้วบุคคลทั้งสองยกให้จําเลยที่ 2 จําเลยที่ 2 ครอบครองทำประโยชน์โดยความสงบและโดยเปิดเผย
ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลากว่า 10 ปี จึงได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์
เป็นการบรรยายถึงข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุที่มาที่จําเลยที่ 2 เข้าครอบครองที่ดินพิพาท
หากจําเลยที่ 2 ครอบครองที่ดินพิพาทในโฉนดที่ดินของ พ. โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลา
10 ปี ก็อาจได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 1382 หาใช่เป็นเรื่องที่จําเลยที่ 2 ให้การยืนยันว่าที่ดินพิพาทเป็นของจําเลยที่
2 มาแต่ต้นที่จะทำให้จําเลยที่ 2 ไม่สามารถครอบครองปรปักษ์ที่ดินพิพาทของจําเลยที่
2 เองได้ คดีมีประเด็นข้อพิพาทเรื่องการครอบครองปรปักษ์
สรุปประเด็นหลักของฎีกา
1589/2567:
- ข้อเท็จจริงย่อ: 
- จำเลยที่ 2 ให้การว่า
      เดิมที่ดินส่วนที่คัดค้านเป็นของ "พ." ที่ขายให้จำเลยที่ 1
      และ "อ."
      โดยไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
      (คือเป็นการซื้อขายที่ไม่สมบูรณ์แบบตามกฎหมาย)
- หลังจากนั้น
      "พ." และ "อ." ได้ยกที่ดินส่วนนี้ให้แก่จำเลยที่ 2
- จำเลยที่ 2 จึงได้เข้าครอบครองทำประโยชน์โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลากว่า
      10 ปี และได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์
- ประเด็นวินิจฉัยของศาลฎีกา: 
- ศาลฎีกาพิจารณาว่า
      คำให้การของจำเลยที่ 2 ที่กล่าวถึงการซื้อขายที่ไม่เป็นไปตามแบบในตอนแรกนั้น
      เป็นเพียงการบรรยายถึง "เหตุที่มา" ของการที่จำเลยที่ 2 ได้เข้าครอบครองที่ดินพิพาทเท่านั้น
- ไม่ได้เป็นการยืนยันว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยที่
      2 มาแต่ต้น
- ดังนั้น
      การที่จำเลยที่ 2 ครอบครองที่ดินพิพาทโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลา
      10 ปี (ครบเงื่อนไขตามมาตรา 1382) จำเลยที่ 2 จึงสามารถได้กรรมสิทธิ์จากการครอบครองปรปักษ์ได้
- หลักกฎหมายที่สำคัญ: การที่จำเลยอ้างว่าได้รับโอนสิทธิมาโดยนิติกรรมที่ไม่สมบูรณ์
     (เช่น ไม่ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน)
     ไม่ได้เป็นการตัดสิทธิในการครอบครองปรปักษ์
     หากจำเลยได้เข้าครอบครองที่ดินนั้นโดยสงบ เปิดเผย
     และมีเจตนาเป็นเจ้าของต่อเนื่องกันครบตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
- ป.พ.พ.
     มาตรา 1382:
     "บุคคลใดครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นไว้โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ
     ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาสิบปี ถ้าเป็นสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาห้าปีไซร้
     ท่านว่าบุคคลนั้นได้กรรมสิทธิ์"
- ป.พ.พ.
     มาตรา 1367:
     "บุคคลใดยึดถือทรัพย์สินโดยเจตนาจะยึดถือเพื่อตน
     ท่านว่าบุคคลนั้นได้ซึ่งสิทธิครอบครอง"
0 Comments
แสดงความคิดเห็น