การนับโทษจำคุกต่อ (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 22) กรณีข้อเท็จจริงเพิ่งปรากฏชัดในชั้นอุทธรณ์
ฎีกานี้วางแนวทางว่า
หากศาลชั้นต้นยกคำขอนับโทษต่อเพราะขาดพยานหลักฐาน
(ไม่ทราบว่าคดีก่อนตัดสินหรือยัง)
โจทก์สามารถส่งหลักฐานคำพิพากษาคดีก่อนในชั้นอุทธรณ์เพื่อให้ศาลนับโทษต่อได้ หากข้อเท็จจริงปรากฏว่าคดีก่อนตัดสิน
"ก่อน" คดีปัจจุบัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่
1044/2568
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง;
ป.อ. มาตรา 22 ป.วิ.อ.
มาตรา 158 (5), มาตรา 192 วรรคหนึ่ง
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่
1
เป็นบุคคลเดียวกับจำเลยที่ 2 ในคดีหมายเลขดำที่
คม 1/2564 ของศาลจังหวัดเวียงสระ และจำเลยที่ 7 เป็นบุคคลเดียวกับจำเลยที่ 1 ในคดีหมายเลขดำที่ คม 1/2564
ของศาลจังหวัดเวียงสระ
แม้ในวันที่ศาลชั้นต้นอ่านอธิบายฟ้องให้จำเลยที่ 1 และที่ 7
ฟังและสอบคำให้การจำเลยที่ 1 และที่ 7 ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 และที่ 7 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาก็ตาม
แต่ต่อมาจำเลยที่ 1 และที่ 7 ขอถอนคำให้การเดิมที่ปฏิเสธและขอให้การใหม่เป็นรับสารภาพตามฟ้อง
และได้ความว่าขณะที่โจทก์ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ภาค 8 นั้น
โจทก์แถลงข้อเท็จจริงให้ปรากฏต่อศาลอุทธรณ์ภาค 8 แล้วว่า
คดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อของจำเลยที่ 1 และที่ 7 นั้น
ศาลจังหวัดเวียงสระได้มีคำพิพากษาไปก่อนที่ศาลชั้นต้นจะตัดสินสำนวนคดีนี้
ทั้งโจทก์ได้แนบสำเนาคำพิพากษาของศาลจังหวัดเวียงสระมาพร้อมอุทธรณ์ด้วย ดังนั้น
เมื่อได้ความว่าคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อนั้นศาลจังหวัดเวียงสระได้มีคำพิพากษาจำคุกจำเลยที่
1 และที่ 7 ไปก่อนแล้ว โดยที่จำเลยที่ 1
และที่ 7 มิได้ยื่นคำแถลงหรือยื่นคำแก้อุทธรณ์คัดค้านให้รับฟังได้เป็นอย่างอื่น
ถือได้ว่าข้อเท็จจริงดังกล่าวปรากฏต่อศาลแล้ว เช่นนี้
ศาลย่อมมีอำนาจนับโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 และที่ 7 ต่อได้
