คำพิพากษาฎีกาที่ 1394/2568
ในคดีอาญาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๑๗๔
มิได้บัญญัติว่าหน้าที่นำสืบหรือภาระการพิสูจน์เป็นหน้าที่ของคู่ความฝ่ายใด
เพียงแต่บัญญัติว่าก่อนนำพยานเข้าสืบ โจทก์มีอำนาจเปิดคดี
แล้วให้โจทก์นำพยานเข้าสืบ เมื่อสืบพยานโจทก์แล้ว จำเลยมีอำนาจเปิดคดีเพื่อให้ทราบคดีจำเลย
เสร็จแล้วให้จำเลยนำพยานเข้าสืบ
จึงเป็นหน้าที่ของโจทก์และโจทก์ร่วมต้องนำพยานเข้าสืบเพื่อพิสูจน์ความผิดของจำเลยตามฟ้องก่อนเสมอไป
และหลังจากสืบพยานโจทก์และโจทก์ร่วมเสร็จแล้วจำเลยมีอำนาจนำพยานเข้าสืบเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของจำเลยได้
โจทก์และโจทก์ร่วมฟ้องว่า
จำเลยกระทำความผิดฐานฆ่าผู้ตาย จำเลยให้การว่า จำเลยกระทำโดยบันดาลโทสะ
เท่ากับจำเลยยอมรับว่าใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตายตามฟ้องจริง
แต่อ้างเหตุลดหย่อนผ่อนโทษว่ากระทำความผิดโดยบันดาลโทสะ
เมื่อโจทก์และโจทก์ร่วมนำพยานหลักฐานเข้าสืบเพื่อพิสูจน์ความผิดของจำเลยฐานฆ่าผู้อื่นแล้ว ภาระการพิสูจน์ในประเด็นที่ว่าจำเลยกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะ
ย่อมตกแก่จำเลยที่จะต้องนำพยานเข้าสืบพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนให้เห็นว่าผู้ตายข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมอย่างไร
ที่จะทำให้การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๒
เมื่อพยานจำเลยไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้
จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยบันดาลโทสะ
ผู้ตายจึงเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒
(๔)
