คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1028/2568

องค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกงตาม ป.อ. มาตรา 341 ต้องประกอบด้วยผู้หลอกลวงมีเจตนาทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และผลของการหลอกลวงนั้นทำให้ผู้หลอกลวงได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สามทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ 

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยหลอกลวงว่าจะขายรถกระบะให้แก่โจทก์ โดยจำเลยให้โจทก์ชำระเงินมัดจำในวันทำสัญญาพร้อมกับส่งมอบรถให้โจทก์ครอบครอง ราคารถส่วนที่เหลือให้โจทก์ผ่อนชำระ 30 งวด เมื่อผ่อนถึงงวดที่ 30 จำเลยจะมารับเงินค่ารถเองพร้อมนำใบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์มาทำการโอนเป็นชื่อโจทก์ โจทก์ผ่อนชำระ 29 งวด แล้วทวงถามให้จำเลยจดทะเบียนโอนเปลี่ยนชื่อในใบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์เป็นชื่อโจทก์ จำเลยนัดหมายจะมาดำเนินการให้แต่ผิดนัดไม่มาตามสัญญา แสดงว่าจำเลยไม่มีใบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ที่จะส่งมอบและโอนให้แก่โจทก์มาแต่แรก มีเจตนาที่จะหลอกลวงโจทก์ด้วยข้อความอันเป็นเท็จเป็นเหตุให้ได้เงินไปจากโจทก์ โดยตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์มิได้ยืนยันข้อเท็จจริงว่า ขณะทำสัญญาขายรถนั้น จำเลยไม่มีเจตนาที่จะจดทะเบียนโอนเปลี่ยนชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์รถเป็นชื่อของโจทก์มาตั้งแต่แรก อันเนื่องจากตนเองไม่มีใบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์และไม่สามารถที่จะทำการจดทะเบียนโอนให้แก่โจทก์ได้ แต่หลอกลวงว่ามีใบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์หรือปกปิดข้อความจริงดังกล่าวไว้ การที่จำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญา มิใช่ข้อที่จะยืนยันว่าจำเลยหลอกลวงโดยมีเจตนาทุจริตตั้งแต่แรก อันเป็นองค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกง การกระทำของจำเลยตามที่โจทก์บรรยายฟ้องมาคงเป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่ง มิใช่เป็นการหลอกลวงอันจะเป็นความผิดฐานฉ้อโกง การกระทำของจำเลยตามที่โจทก์บรรยายฟ้องมาจึงไม่มีมูลความผิดทางอาญาฐานฉ้อโกง