คำพิพากษาฎีกาที่ ๓๐๙๘/๒๕๖๖

               คำสั่งของพนักงานสอบสวนที่ให้ผู้ต้องหาพิมพ์ลายนิ้วมือเป็นการตรวจสอบข้อมูลบุคคลเพื่อยืนยันตัวตนของผู้ต้องหา ตรวจสอบประวัติอาชญากรอันเป็นการตรวจสอบประวัติการกระทำความผิดเพื่อประกอบการพิจารณาเงื่อนไขในการเพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๒ และมาตรา ๙๓ และเพื่อประโยชน์แห่งการรวบรวมพยานหลักฐานในคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๓๒ (๑) อันเป็นอำนาจที่กฎหมายให้แก่พนักงานสอบสวน คดีนี้และคดีก่อนเป็นความผิดลหุโทษ ซึ่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๔ มิให้นําประวัติการกระทำความผิดในครั้งก่อนหรือครั้งหลังมาเพิ่มโทษจําเลยได้ แต่การพิมพ์ลายนิ้วมือมิใช่วัตถุประสงค์เพื่อการเพิ่มโทษเพียงประการเดียว แต่ยังถือเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสอบสวนซึ่งรัฐย่อมมีอำนาจที่จะรวบรวมและเก็บข้อมูลของบุคคลได้ภายในขอบเขตความจําเป็น ทั้งยังสามารถนําข้อมูลที่ได้จากการพิมพ์ลายนิ้วมือมาประกอบการดำเนินการแก่จําเลยต่อไปได้ เช่น เรื่องการขอให้นับโทษต่อ เป็นต้น  ดังนั้น การที่จําเลยปฏิเสธไม่พิมพ์ลายนิ้วมือโดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควร จึงมีความผิดตามฟ้อง

 

ประมวลกฎหมายอาญา

               มาตรา ๓๖๘ ผู้ใดทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามอำนาจที่มีกฎหมายให้ไว้ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นโดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบวัน หรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
               ถ้าการสั่งเช่นว่านั้น เป็นคำสั่งให้ช่วยทำกิจการในหน้าที่ของเจ้าพนักงานซึ่งกฎหมายกำหนดให้สั่งให้ช่วยได้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

หมายเหตุ

               อำนาจที่มีกฎหมายให้ไว้; คำสั่งของพนักงานสอบสวนที่ให้ผู้ต้องหาพิมพ์ลายนิ้วมือเป็น เป็นอำนาจที่กฎหมายให้แก่พนักงานสอบสวน เพื่อประกอบการพิจารณาเงื่อนไขในการเพิ่มโทษตาม ป.อ. มาตรา ๙๒ และมาตรา ๙๓ และเพื่อประโยชน์แห่งการรวบรวมพยานหลักฐานในคดีตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๑๓๒ (๑)(ฎีกาที่ ๓๐๙๘/๒๕๖๖)