คำพิพากษาศาลฎีกาที่
๕๕๑๖/๒๕๖๑ 
               ก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้รถที่เช่าซื้อยังไม่ได้ถูกจำหน่ายจ่ายโอนไปยังบุคคลอื่น แม้โจทก์ดำเนินคดีอาญาในความผิดฐานยักยอกแก่จำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ต่อศาลชั้นต้น
ซึ่งศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่าคดีมีมูลและ
อยู่ระหว่างจำหน่ายคดีชั่วคราวและออกหมายจับ
ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้ ประกอบกับคำสั่งคดีมีมูลตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๑๖๗
ไม่ใช่ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาที่คดีส่วนแพ่งต้องถือตามดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา
๔๖ ดังนั้นในขณะยื่นฟ้องคดีนี้ สัญญาเช่าซื้อจึงยังไม่เลิกกันเพราะเหตุผู้เช่าซื้อนำทรัพย์สินที่เช่าซื้อไปจำหน่ายให้ผู้อื่นครอบครอง หรือนำไปไว้ที่อื่นตามสัญญาเช่าซื้อข้อ ๔
               รถที่เช่าซื้อเป็นรถจักรยานยนต์
จึงอยู่ภายใต้บังคับประกาศ คณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา
พ.ศ. ๒๕๕๕ (ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น) ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๓๕
ทวิ โดยในประกาศ ฯ ข้อ ๔ ระบุว่าข้อสัญญาต้องมีสาระสำคัญและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (๔)
ผู้ให้เช่าซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อได้ ในกรณีผู้เช่าซื้อผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อรายงวดสามงวดติด ๆ กัน
และผู้ให้เช่าซื้อมีหนังสือ บอกกล่าวผู้เช่าซื้อให้ใช้เงินรายงวดที่ค้างชำระนั้นภายในเวลาอย่างน้อยสามสิบวันนับแต่วันที่ผู้เช่าซื้อได้รับหนังสือ
และผู้เช่าซื้อละเลยเสียไม่ปฏิบัติตามหนังสือบอกกล่าวนั้นซึ่งโดยผลของประกาศฯ
ดังกล่าว หากคู่สัญญาไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๓๕
ตรี ให้ถือว่าสัญญานั้นใช้ข้อสัญญาตามประกาศฯ แล้วแต่กรณี โจทก์จึงไม่อาจอ้างเหตุการณ์เลิกสัญญาเนื่องจากผู้เช่าซื้อผิดนัดงวดใดงวดหนึ่งแล้ว
สัญญาเลิกกัน โดยผู้ให้เช่าซื้อมิต้องบอกกล่าวตามสัญญาเช่าซื้อ ข้อ ๘ มาใช้บังคับได้
เมื่อโจทก์ไม่ปฏิบัติตามประกาศฯ คือ ต้องรอให้ผู้เช่าซื้อผิดนัดสามงวดติดต่อกันและมีหนังสือบอกกล่าวผู้เช่าซื้อให้ใช้เงินรายงวดที่ค้างชำระนั้นภายในเวลาอย่างน้อยสามสิบวันนับแต่วันที่ผู้เช่าซื้อได้รับหนังสือ
จึงจะมีสิทธิเลิกสัญญา สัญญาเช่าซื้อจึงไม่เลิกกันเพราะเหตุผู้เช่าซื้อผิดนัด
ทั้งโจทก์ยังไม่อาจอ้างเอาวิธีการเลิกสัญญาโดยการบอกกล่าวทางโทรศัพท์หรือวิธีอื่นใดมาใช้บังคับแก่กรณีผู้เช่าซื้อผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อนี้ได้ เมื่อสัญญาเช่าซื้อยังไม่เลิกกัน
โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
และศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจหยิบยกปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนขึ้นวินิจฉัยได้เองตาม
ป.วิ.พ. มาตรา ๑๔๒ (๕) ประกอบ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๗
               ตามฎีกานี้ โจทก์ได้รับอนุญาตให้ฎีกาว่า
โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสามให้ร่วมกันรับผิดตามสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกัน
เนื่องจากสัญญาเช่าซื้อระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๑ เลิกกันหรือไม่ 
พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค
พ.ศ.๒๕๒๒
               มาตรา ๓๕ ทวิ ในการประกอบธุรกิจขายสินค้าหรือให้บริการใด
ถ้าสัญญาซื้อขายหรือสัญญาให้บริการนั้นมีกฎหมายกำหนดให้ต้องทำเป็นหนังสือ
หรือที่ตามปกติประเพณีทำเป็นหนังสือ
คณะกรรมการว่าด้วยสัญญามีอำนาจกำหนดให้การประกอบธุรกิจขายสินค้าหรือให้บริการนั้นเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญาได้
               ในการประกอบธุรกิจที่ควบคุมสัญญา
สัญญาที่ผู้ประกอบธุรกิจทำกับผู้บริโภคจะต้องมีลักษณะดังต่อไปนี้
               (๑) ใช้ข้อสัญญาที่จำเป็นซึ่งหากมิได้ใช้ข้อสัญญาเช่นนั้น
จะทำให้ผู้บริโภคเสียเปรียบผู้ประกอบธุรกิจเกินสมควร
               (๒) ห้ามใช้ข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค
               ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข
และรายละเอียดที่คณะกรรมการว่าด้วยสัญญากำหนด และเพื่อประโยชน์ของผู้บริโภคเป็นส่วนรวม
คณะกรรมการว่าด้วยสัญญาจะให้ผู้ประกอบธุรกิจจัดทำสัญญาตามแบบ ที่คณะกรรมการว่าด้วยสัญญากำหนดก็ได้
               การกำหนดตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง
ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา
               มาตรา ๓๕ ตรี
เมื่อคณะกรรมการว่าด้วยสัญญากำหนดให้สัญญาของการประกอบธุรกิจที่ควบคุมสัญญาต้องใช้ข้อสัญญาใด
หรือต้องใช้ข้อสัญญาใดโดยมีเงื่อนไขในการใช้ข้อสัญญานั้นด้วยตามมาตรา ๓๕ ทวิ แล้ว
ถ้าสัญญานั้นไม่ใช้ข้อสัญญาดังกล่าวหรือใช้ข้อสัญญาดังกล่าวแต่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไข
ให้ถือว่าสัญญานั้นใช้ข้อสัญญาดังกล่าวหรือใช้ข้อสัญญาดังกล่าวตามเงื่อนไขนั้น
แล้วแต่กรณี 

0 Comments
แสดงความคิดเห็น