คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๓๙๓๙/๒๕๕๕ 

               คดีนี้จำเลยที่ ๒ เป็นผู้บริโภค ย่อมได้รับยกเว้นค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวง ตาม พ.ร.บ. วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภคฯ มาตรา ๑๘ วรรคหนึ่ง ซึ่งรวมถึงค่าขึ้นศาล และค่าใช้จ่ายในการส่งคำคู่ความด้วย ที่ศาลชั้นต้นเรียกเก็บค่าขึ้นศาลและค่าใช้จ่าย ในการส่งคำคู่ความทั้งในชั้นอุทธรณ์และในชั้นฎีกาจากจำเลยที่ ๒ นั้น เป็นการไม่ชอบ เห็นควรให้คืนค่าขึ้นศาลและค่าใช้จ่ายในการส่งคำคู่ความในชั้นอุทธรณ์และในชั้นฎีกาแก่จำเลยที่ ๒

 

               หมายเหตุท้ายฎีกา พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๕๑ มีวัตถุประสงค์ให้ผู้บริโภค ที่ได้รับความเสียหายและเสียเปรียบจากการใช้สินค้าและบริการได้รับการคุ้มครองให้สามารถใช้สิทธิเรียกร้องด้วยความรวดเร็ว ประหยัดและมีประสิทธิภาพ เนื่องจาก โดยสภาพข้อพิพาทระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบธุรกิจมีทุนทรัพย์ไม่มาก หากผู้บริโภค ต้องเสียค่าใช้จ่ายต่างๆ สูง จะเป็นเหตุให้ตัดสินใจไม่ฟ้องร้องหรือต่อสู้คดีเพราะไม่คุ้ม กับสิ่งที่ต้องเสียไป ดังนั้น มาตรา ๑๘  วรรคหนึ่ง จึงบัญญัติรองรับไว้ว่าการยื่นคำฟ้อง ตลอดจนการดำเนินกระบวนพิจารณาใดๆ ในคดีผู้บริโภคซึ่งดำเนินการโดยผู้บริโภค หรือผู้มีอำนาจฟ้องคดีแทนผู้บริโภคให้ได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมทั้งปวง แต่ไม่รวมถึงความรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นที่สุด เป็นเหตุให้ผู้บริโภคหรือผู้มีอำนาจฟ้องคดีแทนผู้บริโภคได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมทั้งปวง ซึ่งต้องเสียไปสำหรับการดำเนินกระบวน พิจารณาของผู้บริโภคหรือผู้มีอำนาจฟ้องคดีแทนผู้บริโภค แต่อย่างไรก็ตาม กฎหมายยังคงให้ผู้บริโภคหรือผู้มีอำนาจฟ้องคดีแทนผู้บริโภครับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมที่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งได้เสียไปตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๑๖๑ ได้ หากตนเป็นฝ่ายที่แพ้คดี ซึ่งค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงที่ผู้บริโภคหรือผู้มีอำนาจฟ้องคดีแทนผู้บริโภคได้รับยกเว้นตาม มาตรานี้ หมายถึง ค่าฤชาธรรมเนียมทุกประเภทตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๑๔๙ วรรคหนึ่ง ซึ่งบัญญัติยกตัวอย่างไว้ ได้แก่ ค่าธรรมเนียมศาล ค่าสืบพยานหลักฐานนอกศาล ค่าป่วยการ ค่าพาหนะเดินทางและค่าเช่าที่พักของพยาน ผู้เชี่ยวชาญ ล่าม และเจ้าพนักงานศาล ค่าทนายความ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี ตลอดจนค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ บรรดาที่กฎหมายบังคับให้ชำระ ซึ่งส่วนใหญ่กำหนดไว้ในตารางท้าย แต่สำหรับคำพิพากษา ศาลฎีกาฉบับที่หมายเหตุนี้วินิจฉัยให้ผู้บริโภคหรือผู้มีอำนาจฟ้องคดีแทนผู้บริโภค นอกจากจะได้รับยกเว้นค่าขึ้นศาลแล้ว ยังได้รับยกเว้นค่าใช้จ่ายในการส่งคำคู่ความ ในชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาอีกด้วย ซึ่งการยื่นอุทธรณ์หรือยื่นฎีกาถือเป็นการยื่นคำฟ้องประเภทหนึ่งที่ผู้ยื่นจะต้องเสียค่าธรรมเนียมในการส่งหมายเรียกและสำเนาอุทธรณ์ หรือสำเนาฎีกาให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๗๐ วรรคสอง ถือเป็นค่าฤชาธรรมเนียมประเภทหนึ่งที่กฎหมายบังคับให้ชำระ จึงได้รับการยกเว้นให้ผู้บริโภค หรือผู้มีอำนาจฟ้องคดีแทนผู้บริโภคไม่ต้องเสีย (ก่อโชค บุตรชัยงาม)

              

เพิ่มเติม

               ฎีกาที่ ๘๖๓๖/๒๕๕๘ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในค่าร้องขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลเนื่องจากจำเลยที่ ๒ เป็นคนยากจนไม่มีเงินชำระว่า อนุญาตให้จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์โดยยกเว้นค่าธรรมเนียมศาล ซึ่งมีความหมายว่า ศาลชั้นต้นได้อนุญาตให้จำเลยที่ ๒ ฟ้องอุทธรณ์ได้โดยไม่ต้องวางค่าธรรมเนียมศาลในการดำเนินกระบวนพิจารณาซึ่งรวมถึงเงินวางศาลในการยื่นฟ้องอุทธรณ์ตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา ๑๕๗ ด้วย สำหรับเงินวางศาลในการยื่นฟ้องอุทธรณ์ คือ เงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แทนโจทก์ตามคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลชั้นต้นซึ่งจะต้องนำมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา ๒๒๙ จึงถือได้ว่าจำเลยที่ ๒ ได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นให้อุทธรณ์โดยไม่ต้องวางเงินความรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นที่สุดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ตาม พ.ร.บ.วิธี พิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๑๘

               ตามฎีกานี้ จำเลยที่ ๒ เป็นผู้บริโภค