คำพิพากษาฎีกาที่ ๔๔๗๙/๒๕๖๑

               สัญญาค้ำประกันการประกันตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยระหว่างโจทก์ นายประกันกับจำเลยทั้งสามผู้ค้ำประกันระบุว่า “...หาก ร. ผู้ต้องหา/จำเลยได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อหลักทรัพย์ที่เป็นหลักประกันหรือก่อให้นายประกันต้องถูกสั่งปรับในฐานะนายประกันหรือการกระทำอื่นใดที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อนายประกันผู้ค้ำประกันยอมรับผิดชอบยอมใช้หนี้สินและค่าเสียหายอย่างใดๆ นั้นทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ ๑๔ ต่อปี ให้กับนายประกันทันทีโดยไม่อ้างเหตุใด ๆ มาปัดความรับผิดชอบเป็นอันขาดซึ่งหมายความว่าหาก ร. ก่อให้เกิดความเสียหายต่อหลักทรัพย์ของโจทก์ที่ใช้เป็นหลักประกัน หรือทำให้โจทก์ต้องถูกปรับในฐานะนายประกันหรือทำให้เกิดความเสียหายต่อโจทก์ จำเลยทั้งสามยอมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยทันที กรณีไม่ใช่จำเลยทั้งสามยอมชำระหนี้ต่อโจทก์ ต่อเมื่อ ร. ไม่ชำระหนี้ จึงไม่ใช่สัญญาค้ำประกันตาม ป.พ.พ. มาตรา ๖๘๐


              ตามฎีกานี้ สัญญาที่โจทก์ฟ้องคดี เป็นสัญญาค้ำประกันที่ต้องปิดอากรแสตมป์จึงจะใช้อ้างเป็นพยานหลักฐานได้หรือไม่

 

 

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

               มาตรา ๖๘๐ อันว่าค้ำประกันนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลภายนอกคนหนึ่ง เรียกว่า ผู้ค้ำประกัน ผูกพันตนต่อเจ้าหนี้คนหนึ่ง เพื่อชำระหนี้ในเมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้นั้น

               อนึ่ง สัญญาค้ำประกันนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ค้ำประกันเป็นสำคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่