คำพิพากษาฎีกาที่ ๖๘๗/๒๕๖๓ 

               จำเลยที่ ๑ ปลอมเช็คและใช้เช็คปลอมนำไปเบิกเงินจากธนาคาร ก. เป็นการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่าลายมือชื่อผู้สั่งจ่าย เป็นลายมือชื่อที่แท้จริงของผู้เสียหายที่ ๒ ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนผู้เสียหายที่ ๑ เงินที่จำเลยที่ ๑ ได้รับไปเป็นเงินของธนาคาร ก. ที่จำเลยที่ ๑ ได้มาจากการหลอกลวง มิใช่เงินของผู้เสียหายที่ ๑ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๗๒ จำเลยไม่มีความผิดฐานลักเงินของผู้เสียหายที่ ๑ แต่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงธนาคาร ก.

 

หมายเหตุ

               ๑.ตามฎีกาข้างต้น ธนาคารเป็นผู้เสียหายในความผิดฐานฉ้อโกง        

               ๒.ฎีกาที่ ๑๔๗๘๓/๒๕๕๕ การที่จำเลยมอบเช็คปลอมให้พนักงานของผู้เสียหายน่าไปเบิกเงินจากธนาคารตามเช็คด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่า ลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายเป็นลายมือชื่อแท้จริงของ ธ. กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ร่วม เงินที่จำเลยได้ไปจึงเป็นเงินของธนาคารมิใช่เงินของโจทก์ร่วมตาม ป.พ.พ. มาตรา ๖๗๒ จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานลักเงินของโจทก์ร่วมแต่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงธนาคาร            

 

ประมวลกฎหมายอาญา

               มาตรา ๓๔๑ ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือ ทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ