ป.พ.พ.มาตรา ๑๔๗๔ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า สินสมรสได้แก่ทรัพย์สิน (๑) ที่สมรสได้มาระหว่างสมรส...และวรรคสองบัญญัติว่า ถ้ากรณีเป็นที่สงสัยว่าทรัพย์สินอย่างหนึ่งเป็นสินสมรสหรือมิใช่ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นสินสมรส เมื่อที่ดินพิพาท ๔ แปลง ได้มาระหว่างสมรสแม้จะมีชื่อจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แต่ผู้เดียวก็เป็นสินสมรสตามบทกฎหมายดังกล่าว จำเลยกล่าวอ้างว่า ที่ดินพิพาท ๔ แปลง ไม่ใช่สินสมรส จำเลยมีภาระการพิสูจน์ ทั้งนี้ตาม ป.วิ.พ.มาตรา ๘๔/๑ ประกอบ พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.๒๕๕๓ มาตรา ๖
                จำเลยประกอบอาชีพหมอนวดและมีรายได้ เงินที่ได้มาก็เป็นสินสมรสตาม ป.พ.พ.มาตรา ๑๔๗๔ วรรคหนึ่ง (๑) เมื่อนำไปซื้อที่ดินพิพาท ๔ แปลง ที่ดินพิพาทย่อมเป็นสินสมรส

เพิ่มเติม
                ที่ว่า “ได้มาในระหว่างสมรส” หมายความถึง ได้มาในระหว่างที่ชายหญิงได้จดทะเบียนสมรสเป็นสามีภริยากันตามมาตรา ๑๔๕๗
                มาตรา ๑๔๗๔ วรรคสอง เป็นเพียงบทสันนิษฐานของกฎหมายไว้ก่อนว่าเป็นสินสมรส มิใช่บทสันนิษฐานเด็ดขาด คู่สมรสฝ่ายที่อ้างว่าเป็นสินส่วนตัวย่อมมีภาระการพิสูจน์หักล้างข้อสันนิษฐานของกฎหมายดังกล่าวตาม ป.วิ.พ.มาตรา ๘๔/๑ (ฎีกาที่ ๖๐๐๗/๒๕๓๔)

อ้างอิง
สมชัย ฑีฑาอุตมากร. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕ ว่าด้วย ครอบครัว ฉบับสมบูรณ์. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์พลสยามพริ้นติ้ง, ๒๕๕๔.

ข้อเท็จจริง
                โจทก์(ฝ่ายชาย)เป็นคนสัญชาติเยอรมัน จำเลย(ฝ่ายหญิง)เป็นคนสัญชาติไทย
                เมื่อวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๗ ที่ประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
                ที่ดินพิพาท ๔ แปลง คือที่ดินโฉนดเลขที่ ๕๓๓๔๔๑ ได้มาเมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๑ กับที่ดินโฉนดเลขที่ ๗๕๗๓๑, ๑๕๕๑๔๕,และ ๑๑๒๒๙๙ ได้มาเมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗  มีชื่อจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์
                จำเลยมีจำเลยเพียงปากเดียวเบิกความว่า เงินที่ใช้ซื้อที่ดินพาท ๔ แปลง เป็นเงินส่วนตัวของจำเลย โดยการซื้อที่ดินพิพาท ๔ แปลง โจทก์ได้ทำหนังสือรับรองว่าเงินที่ซื้อเป็นเงินส่วนตัวของจำเลย โดยเงินที่นำมาซื้อเป็นเงินที่จำเลยได้มาหลังจากจดทะเบียนสมรสกับโจทก์จากการประกอบอาชีพหมอนวดได้เงินประมาณ ๘๐,๐๐๐ ยูโร จำเลยได้ทยอยส่งมาให้พี่สาวและมารดาแต่จำเลยมิได้นำพี่สาวและมารดามาเบิกความเป็นพยานสนับสนุนหรือนำหลักฐานการโอนเงินมาแสดงว่าโอนเงินไปให้ซื้อที่ดินและปลูกบ้านจริง ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า หากจำเลยประกอบอาชีพหมอนวดและมีรายได้จำนวนดังกล่าวจริง เงินที่ได้มาก็เป็นสินสมรส
                จำเลยเคยไปแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจเมื่อวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ว่า โจทก์บังคับจำเลยให้ขายที่ดินซึ่งทำมาหาได้ร่วมกันเพื่อจะไปอยู่กับหญิงอื่น ยิ่งเป็นข้อบ่งชี้ว่าที่ดินพิพาท ๔ แปลง ไม่ใช่สินส่วนตัวของจำเลยดังที่กล่าวอ้าง แม้จำเลยจะมีหนังสือรับรองว่า เงินที่ใช้ซื้อที่ดิน ๔ แปลง เป็นเงินส่วนตัวของจำเลยโดยโจทก์ลงชื่อไว้ ก็ได้ความจากโจทก์ว่า จำเลยให้โจทก์ลงชื่อเพื่อให้มีกรรมสิทธิ์รวมในที่ดิน เมื่อฟังประกอบว่า โจทก์เป็นคนสัญชาติเยอรมันเขียนและอ่านภาษไทยไม่ได้ และตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๘๖ ที่ระบุว่าคนต่างด้าวจะได้ซึ่งที่ดินต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมที่ดินจึงน่าเชื่อว่าโจทก์ลงชื่อเพื่อจะได้ที่ดินเท่านั้น
                พยานหลักฐานที่จำเลยนำสืบยังฟังไม่ได้ว่าที่ดินพิพาท ๔ แปลง เป็นสินส่วนตัวของจำเลย เมื่อจำเลยมีภาระการพิสูจน์ แต่จำเลยนำสืบไม่ได้ จำเลยต้องตกเป็นฝ่ายแพ้คดีในประเด็นข้อพิพาทนี้

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
                มาตรา ๑๔๗๔ สินสมรสได้แก่ทรัพย์สิน
                (๑) ที่คู่สมรสได้มาระหว่างสมรส
                (๒) ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้มาระหว่างสมรสโดยพินัยกรรมหรือโดยการให้เป็นหนังสือเมื่อพินัยกรรมหรือหนังสือยกให้ระบุว่าเป็นสินสมรส
                (๓) ที่เป็นดอกผลของสินส่วนตัว
                ถ้ากรณีเป็นที่สงสัยว่าทรัพย์สินอย่างหนึ่งเป็นสินสมรสหรือมิใช่ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นสินสมรส

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
                มาตรา ๘๔/๑         คู่ความฝ่ายใดกล่าวอ้างข้อเท็จจริงเพื่อสนับสนุนคำคู่ความของตน ให้คู่ความฝ่ายนั้นมีภาระการพิสูจน์ข้อเท็จจริงนั้น แต่ถ้ามีข้อสันนิษฐานไว้ในกฎหมายหรือมีข้อสันนิษฐานที่ควรจะเป็นซึ่งปรากฏจากสภาพปกติธรรมดาของเหตุการณ์เป็นคุณแก่คู่ความฝ่ายใด คู่ความฝ่ายนั้นต้องพิสูจน์เพียงว่าตนได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขแห่งการที่ตนจะได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานนั้นครบถ้วนแล้ว

พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓
                มาตรา ๖ ให้นำบทบัญญัติแห่งพระธรรมนูญศาลยุติธรรม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง มาใช้บังคับแก่คดีเยาวชนและครอบครัวเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้